จากการรายงานของ The Wall Street Journal ได้รายงานว่า Scarlett Johansson ได้ยื่นฟ้องบริษัท Walt Disney Co. หลังจาก Marvel Studio ปล่อยฉายหนัง Black Widow ลงบนบริการสตรีมมิ่ง Disney+ และโรงภาพยนตร์พร้อมกัน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อสัญญาที่ได้ตกลงกันเอาไว้ และอาจทำให้เธอสูญเสียรายได้จากส่วนแบ่งของการฉายในโรงภาพยนตร์ไปถึง $50 ล้าน หากเป็นอย่างนั้นแปลว่า ในสัญญาน่าจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า Black Widow จะเปิดตัวเฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้น โดยในคำฟ้องได้ระบุว่า
”ทำไมดิสนีย์ถึงยอมสละเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศ โดยการปล่อยภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเวลาที่รู้กันว่าตลาดภาพยนตร์นั้น ‘อ่อนแอ’ แทนที่จะรอสองหรือสามเดือนเพื่อให้ตลาดฟื้นตัวกลับมาก่อน จากข้อมูลและความเชื่อ การตัดสินใจทำเช่นนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะดิสนีย์มองเห็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์บริการสมัครสมาชิกเรือธงโดยการใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้และคุณโจแฮนสัน เพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่ รักษาสมาชิกที่มีอยู่ และทำให้ Disney+ เป็นบริการที่ต้องสมัครในตลาดที่มีการแข่งขันสูง”
Black Widow ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากหลังการออกฉาย เนื่องจาก Disney อ้างว่าหนังทำรายได้บน Disney+ ช่วงสุดสัปดาห์แรกไปถึง $60 ล้าน ก่อนที่จะลดต่ำลงอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่สอง ซึ่งคำฟ้อง Scarlett Johansson ยังอ้างว่า Disney รู้ดีว่าการปล่อยฉายภาพยนตร์บนบริการสตรีมมิ่งเป็นการเกลี้ยกล่อมไม่ให้ผู้ชมเข้าโรงภาพยนตร์ แต่ก็ ทำไปอย่างรู้เท่าทันและโดยจงใจ
ซึ่งต่อมา Emma Stone และ Emily Blunt ก็กำลังพิจารณาว่าจะฟ้อง Disney ในคดีเดียวกันด้วยหรือไม่เช่นกัน หลังจาก Disney ตัดสินใจฉาย Cruella และ Jungle Cruise บน Disney+ พร้อมกับโรงภาพยนตร์
Emily Blunt อาจจะออกมาพูดถึงเรื่องนี้หลังสุดสัปดาห์นี้ที่มีการคาดการณ์ว่า Jungle Cruise จะทำรายได้ราวๆ $25 ล้าน โดยในตอนนี้ Disney กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเนื่องจาก Scarlett Johansson ได้รับการสนับสนุนมากมายจากเพื่อนนักแสดงและคนในวงการ และเพื่อนๆ ของเธอก็ต่างคอยให้ใครสักคนออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เรื่องไม่น่าจะเงียบลงในเร็ววันนี้ครับ ส่วนนักแสดงอีกคนอย่าง Dwayne Johnson ที่รับบทนำใน Jungle Cruise คู่กับ Emily Blunt ทาง Deadline ได้รายงานว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะฟ้อง Disney
อัพเดตข้อมูล : 30 ส.ค. 2564